เคยไหม? ที่จ้าง Outsource แล้วโครงการกลับล่าช้า คุณภาพไม่เป็นอย่างที่คิด และเมื่อเกิดปัญหากลับไม่มีใครรับผิดชอบโดยตรง ปัญหาเหล่านี้มักมีต้นตอมาจาก “ผู้ร้ายที่ซ่อนอยู่”นั่นคือ การใช้ Subcontractor ต่อๆ กันเป็นทอดๆ
บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะช่วยให้คุณมองทะลุกลยุทธ์ของผู้ให้บริการ และเลือก Outsource ที่เป็น “พาร์ทเนอร์ตัวจริง” ไม่ใช่แค่คนกลางที่ส่งต่องาน เพื่อให้โครงการของคุณสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ทั้งในด้านคุณภาพ เวลา และงบประมาณ

กับดักของ Outsource ที่พึ่งพา Subcontractor ทำไมถึงเสี่ยงกว่าที่คิด?
การจ้าง Outsource ที่ใช้ Subcontractor มากเกินไป ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นความเสี่ยงใหญ่หลวงที่อาจทำลายโครงการของคุณได้ ปัญหาหลักๆ มีดังนี้

คุณภาพที่ควบคุมไม่ได้ (Loss of Quality Control)
เมื่อมีผู้รับเหมาชั้นรองหลายรายเข้ามาในโครงการเดียวกัน การรักษามาตรฐานให้เป็นหนึ่งเดียวแทบเป็นไปไม่ได้ คุณจะสูญเสียการควบคุมโดยตรงและต้องเผชิญกับ
- งานไม่ตรงสเปก แต่ละทีมตีความข้อกำหนดต่างกัน
- มาตรฐานสะเปะสะปะ ส่วนหนึ่งทำดี อีกส่วนทำแย่
- แก้ไขล่าช้า การสื่อสารที่ต้องผ่านหลายทอดทำให้การแก้ปัญหายืดเยื้อ

ความรับผิดชอบที่ถูกโยนไปมา (Unclear Accountability)
เมื่อเกิดปัญหาขึ้น จะเกิด “เกมโยนความผิด” ที่ไม่มีวันจบสิ้น
- Outsource หลัก “ปัญหานี้มาจาก Subcontractorเราควบคุมไม่ได้”
- Subcontractor “เราทำตามคำสั่งที่ Outsource หลักให้มา”
- ลูกค้า (คุณ) ติดอยู่ตรงกลาง ไม่รู้จะเรียกร้องความรับผิดชอบจากใคร

ต้นทุนแฝงที่บานปลาย (Hidden Costs)
ราคาที่ดูเหมือน “ถูก” ในตอนแรก อาจกลายเป็น “แพง” กว่าที่คิด เพราะทุกชั้นของการจ้างงานล้วนมีกำไรซ่อนอยู่
- Outsource หลัก บวกกำไร 20-30%
- Subcontractor บวกกำไรอีก 15-25%
- สรุป คุณอาจกำลังจ่ายเงินสูงกว่าการจ้างตรงถึง 35-55% โดยไม่รู้ตัว
สัญญาณเตือน (Red Flags) วิธีจับไต๋ Outsource ที่ซ่อน Subcontractor
ระวังให้ดี! หากคุณเจอสัญญาณเหล่านี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาวางแผนจะใช้Subcontractor

ราคาต่ำผิดปกติ เสนอราคาที่ถูกกว่าตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เพราะตั้งใจจะไปกดราคาจากSubcontractor อีกทอดหนึ่ง

ทีมงานที่ไม่ชัดเจน
- ไม่สามารถระบุชื่อหรือแนะนำทีมงานหลักที่จะทำโครงการได้
- ให้คำตอบคลุมเครือเมื่อถามถึงโครงสร้างทีม
- หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบุคลากร

ประสบการณ์กว้างแต่ไม่ลึก
- อ้างว่าทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่มีผลงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ
- Portfolio มีความหลากหลายเกินไปจนน่าสงสัย

การสื่อสารผ่านตัวกลางเสมอ
- คุณไม่ได้คุยกับคนทำงานจริงโดยตรง
- เมื่อถามคำถามเชิงเทคนิค ต้องรอคำตอบนานผิดปกติ เพราะต้องส่งเรื่องไปถามคนอื่นก่อน
อยากยกระดับกระบวนการทางธุรกิจ
ให้สร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับธุรกิจคุณ

ทางออกที่ดีกว่า 3 กลยุทธ์เลือกพาร์ทเนอร์ที่ใช่
เมื่อการพึ่งพา Subcontractorมีความเสี่ยงสูง นี่คือทางเลือกที่ชาญฉลาดกว่า

เลือก Outsource ที่มีทีมงานของตัวเอง (In-house Team)
นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับโครงการส่วนใหญ่
- ข้อดี ควบคุมคุณภาพได้ 100%, สื่อสารตรงไปตรงมา, รับผิดชอบชัดเจน, มาตรฐานเป็นหนึ่งเดียว
- วิธีตรวจสอบ ขอดูรายชื่อและประวัติทีมงาน, ขอเข้าเยี่ยมชมออฟฟิศ, สอบถามเรื่องสวัสดิการพนักงาน (เช่น ประกันสังคม) เพื่อยืนยันการจ้างงานประจำ

จ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยตรง (Direct Specialist)
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการทักษะพิเศษและมีความซับซ้อนสูง
- ข้อดี ได้ความเชี่ยวชาญเต็มๆ, ต้นทุนโปร่งใส, สื่อสารตรงจุด, รับผิดชอบงานทั้งหมด
- เหมาะสำหรับ งานที่ต้องการความรู้เฉพาะทาง (เช่น กฎหมาย, การตลาดดิจิทัลขั้นสูง, วิศวกรรมเฉพาะด้าน)

พัฒนาทีมงานภายในองค์กร (In-house Development)
เป็นการลงทุนระยะยาวที่สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร
- ข้อดี ควบคุมได้สมบูรณ์, ความรู้สะสมอยู่ในบริษัท, สร้าง Core Competency ของตัวเอง
- เหมาะสำหรับ งานที่เป็นหัวใจหลักของธุรกิจ, งานที่ต้องทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
Checklist ตรวจสอบ Outsource ก่อนตัดสินใจจ้าง
1.การตรวจสอบเอกสาร (Due Diligence)
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และการจดทะเบียนภาษี
งบการเงินย้อนหลัง 2-3 ปี เพื่อดูความมั่นคง
หนังสือรับรอง, ใบรับรองมาตรฐาน (เช่น ISO)
2.ขอ Reference หรือข้อมูลติดต่อลูกค้าเก่าเพื่อสอบถามประสบการณ์
การประเมินความสามารถจริง (Capability Assessment)
ขอดูผลงาน (Portfolio) ที่เกี่ยวข้องกับโครงการของคุณโดยตรง
ขอพูดคุยกับ “ทีมงานที่จะลงมือทำจริง” ไม่ใช่แค่ฝ่ายขาย
ทดสอบความรู้เชิงเทคนิคด้วยคำถามเฉพาะทาง
ถามถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำงาน
3.คำถาม “ชี้ชะตา” ที่ต้องถามก่อนเซ็นสัญญา
“ทีมที่จะรับผิดชอบโครงการนี้มีใครบ้าง? เป็นพนักงานประจำของบริษัทหรือไม่?”
“โครงการนี้จะมีการใช้ Subcontractorหรือไม่? ถ้ามี ในส่วนไหน และเพราะอะไร?”
“กระบวนการรายงานความคืบหน้าและการควบคุมคุณภาพ (QC) ของคุณเป็นอย่างไร?”
“หากเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด ใครคือผู้มีอำนาจตัดสินใจและรับผิดชอบในการแก้ไข?”

ข้อสัญญา “กันตาย” สิ่งที่ต้องระบุเพื่อป้องกันปัญหา
อย่าไว้ใจแค่คำพูด สัญญารอบคอบคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
1.ข้อห้ามการใช้Subcontractor(No Subcontracting Clause)
ระบุให้ชัดเจนในสัญญาเพื่อตัดปัญหาตั้งแต่ต้น
ตัวอย่าง “ผู้รับจ้างตกลงว่าจะดำเนินงานตามสัญญานี้ด้วยบุคลากรของตนเองเท่านั้น และจะไม่ว่าจ้างผู้รับจ้างช่วง(Subcontractor)ในการทำงานส่วนใดส่วนหนึ่งของโครงการ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้าง การฝ่าฝืนข้อตกลงนี้ถือเป็นการผิดสัญญาร้ายแรง”
2.เงื่อนไขการอนุมัติ Subcontractor(หากจำเป็นจริงๆ)
ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้กำหนดเงื่อนไขที่รัดกุม
- ต้องได้รับอนุมัติล่วงหน้า ผู้รับจ้างต้องเสนอชื่อและคุณสมบัติของSubcontractorเพื่อให้คุณอนุมัติก่อน
- คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธ คุณสามารถปฏิเสธ Subcontractorที่คุณสมบัติไม่เหมาะสมได้
- ความรับผิดชอบยังคงเดิม ระบุชัดเจนว่า Outsource หลักยังคงต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความล่าช้าที่เกิดจากSubcontractorทั้งหมด
สรุปและข้อแนะนำสุดท้ายมองหา “พาร์ทเนอร์” ไม่ใช่แค่ “ผู้รับจ้าง”
การเลือกจ้าง Outsource ที่ไม่พึ่งพาSubcontractorคือการลงทุนเพื่อความสำเร็จในระยะยาว แม้ราคาเริ่มต้นอาจสูงกว่าเล็กน้อย แต่คุณจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในรูปแบบของ
- คุณภาพงานที่ดีกว่า
- การสื่อสารที่ราบรื่นและตรงไปตรงมา
- ความรับผิดชอบที่ชัดเจน
- ความเสี่ยงทางธุรกิจที่ลดลง
หลักการสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอคือ
- ตรวจสอบอย่างเข้มข้น อย่าเชื่อคำโฆษณา ขอดูหลักฐานและพูดคุยกับทีมงานจริง
- ใส่ใจในสัญญา ระบุเงื่อนไขสำคัญทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
- ติดตามและประเมินผล มีส่วนร่วมในการตรวจสอบความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
อย่าตัดสินใจเลือก Outsource เพียงเพราะ “ราคาถูก” เพราะต้นทุนที่แท้จริงของโครงการไม่ได้วัดกันที่ตัวเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเวลา, คุณภาพ, และความสบายใจของคุณ การเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน
ใช้ SO NEXT สิครับ การันตีความสำเร็จ
Writer : Aditep Phumkasame
Digital and Performance Marketing. : SO-Siamrajathanee Plc.
Follow : Linkedin - Aditep .P
ผมเชื่อว่าทุกการตัดสินใจที่จะใช้ Outsourcing ควรมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ข้าง ๆ เพื่อช่วยลดภาระ ดูแลเรื่องที่ยุ่งยาก ให้คุณได้โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดขององค์กร
อ่านบทความเพิ่มเติม
อวสาน คลังเอกสาร หยุดจ่ายค่าเช่า แล้วเปลี่ยนสู่ระบบ DDMS วันนี้
สู่องค์กรอัจฉริยะ วิสัยทัศน์ และแผนการพัฒนาต่อยอด AI Enhancement
ทลายกำแพงการสื่อสาร มาตรฐานใหม่ เจาะลึก ระบบ ประเมินหน้างาน
พลิกโฉม งานภาคสนาม ด้วย AI เจาะลึก ระบบนำเส้นทางไปหามาตร
SO NEXT ขับเคลื่อนองค์กร ด้วย AI พลิกโฉมการทำงานสู่โอกาสทางธุรกิจ
The Next Chapter ทำไม DDMS ถึงเป็นคำตอบที่ใช่กว่า EDMS ในยุคนี้
ไขข้อข้องใจ เอกสารดิจิทัล เก็บแทนตัวจริง ได้ตามกฎหมายจริงหรือ?
ระบบ DMS คืออะไร? 7 เหตุผลที่บริษัทใหญ่ทั่วโลกเลือกบอกลา”กระดาษ”