ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อทุกธุรกิจ การใช้เครื่องมืออัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมคือ Robotic Process Automation (RPA) ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อทำงานอัตโนมัติในหลายแผนก หนึ่งในนั้นคือแผนก บัญชี
พนักงาน บัญชี
พนักงานฝ่าย บัญชี เป็นบุคคลที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการดำเนินการทางการเงิน เช่น การบันทึกข้อมูลการเงิน การตรวจสอบความถูกต้องของรายการเงิน และการจัดทำรายงานทางการเงิน พนักงานฝ่ายการเงินมีบทบาทสำคัญในการรักษาความถูกต้องและความเป็นไปได้ของกระบวนการทางการเงิน
RPA (Robotic Process Automation)
RPA ย่อมาจาก Robotic Process Automation เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อจำลองการทำงานของพนักงาน บนคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ RPA จะทำหน้าที่ “คลิก” “พิมพ์” และ “ป้อนข้อมูล” แทนพนักงาน ช่วยให้ทำงานซ้ำๆ ได้รวดเร็ว แม่นยำ และประหยัดเวลา

แต่การตัดสินใจว่าควรจ้างพนักงานบัญชีเพิ่มหรือใช้ระบบ RPA นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง บทความนี้จึงจะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของทั้งสองวิธี เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
การจ้างพนักงานบัญชี
ข้อดี
- ความยืดหยุ่น: พนักงานสามารถปรับตัวและจัดการกับงานที่หลากหลายได้ ตัวอย่างเช่น พนักงานบัญชีสามารถช่วยติดตามรายรับรายจ่าย จัดทำงบการเงิน ตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน เตรียมเอกสารสำหรับการเสียภาษี และอื่นๆ
- การวิเคราะห์และตัดสินใจ: พนักงานสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ ตัวอย่างเช่น พนักงานบัญชีสามารถวิเคราะห์งบการเงินเพื่อหาจุดอ่อนของธุรกิจ ตัดสินใจเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะสม หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการภาษี
- ทักษะการสื่อสาร: พนักงานสามารถสื่อสารกับลูกค้าและหน่วยงานอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น พนักงานบัญชีสามารถอธิบายรายละเอียดในงบการเงินให้ลูกค้าเข้าใจ ตอบคำถามเกี่ยวกับภาษี หรือประสานงานกับหน่วยงานราชการ
- ความเข้าใจธุรกิจ: พนักงานสามารถเข้าใจภาพรวมของธุรกิจและนำความรู้มาปรับใช้กับงานได้ ตัวอย่างเช่น พนักงานบัญชีสามารถเข้าใจกลยุทธ์ของธุรกิจและนำเสนอข้อมูลทางการเงินที่สนับสนุนกลยุทธ์นั้น
ข้อเสีย
- ต้นทุน: การจ้างพนักงานมีค่าใช้จ่ายสูง ธุรกิจต้องจ่ายเงินเดือน ค่าสวัสดิการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การฝึกอบรม: จำเป็นต้องฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น ธุรกิจต้องลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงาน
- ความผิดพลาด: พนักงงานมักมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาด พนักงานบัญชีอาจทำผิดพลาดในการป้อนข้อมูล คำนวณ หรือจัดทำเอกสาร
การใช้ระบบ RPA
ข้อดี
- ความรวดเร็ว: RPA ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าพนักงาน RPA สามารถทำงานซ้ำๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ต้องพัก
- ประสิทธิภาพ: RPA ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการทำงาน RPA สามารถทำงานอัตโนมัติ ช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นสำหรับงานอื่นๆ
- ความถูกต้อง: RPA ทำงานโดยอัตโนมัติ ช่วยลดความผิดพลาดจากพนักงาน RPA ลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดจากการป้อนข้อมูล คำนวณ หรือจัดทำเอกสาร
- การทำงานตลอด 24/7: RPA ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ RPA ช่วยให้ธุรกิจของคุณทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องหยุดพัก
ข้อเสีย
- การลงทุนเริ่มต้น: การลงทุนในระบบ RPA มีค่าใช้จ่ายสูง ธุรกิจต้องลงทุนในซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และการฝึกอบรม
- ความยืดหยุ่น: RPA ไม่สามารถปรับตัวกับงานที่หลากหลายได้เหมือนพนักงาน RPA เหมาะสำหรับงานที่ซ้ำๆ และมีขั้นตอนที่ตายตัว
- การวิเคราะห์และตัดสินใจ: RPA ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ RPA ไม่สามารถแทนที่การวิเคราะห์และตัดสินใจของพนักงาน
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ธุรกิจควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระบบ RPA อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
- ธุรกิจควรทดสอบระบบ RPA ก่อนใช้งานจริง
- ธุรกิจควรฝึกอบรมพนักงานให้ใช้ระบบ RPA อย่างถูกต้อง
ทั้งการจ้างพนักงานบัญชีและใช้ระบบ RPA ต่างมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน การตัดสินใจว่าควรเลือกวิธีไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ของธุรกิจ เช่น ประเภทของธุรกิจ ขนาดของธุรกิจ งบประมาณ ทักษะที่มีอยู่ และความต้องการใช้งาน
หากท่านใดสนใจนำระบบ RPA ไปช่วยในการจัดการข้อมูลในองค์กรของท่านไปกับ SO NEXT
ให้ SO NEXT ช่วยลดขั้นตอนในการทำงานของคุณให้กระซับขึ้น และ ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น เพื่อให้คุณประหยัดเวลาและพัฒนาธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ให้ SO NEXT ช่วย TRANFORMATION เปลี่ยนเอกสารจาก กระดาษ เปลี่ยนเป็น Digital Files เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ค้นหา จัดเก็บ รวมถึงมีความปลอดภัยของข้อมูลและจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลในองค์กรของคุณ
นอกจากนี้ RPA ยังสามารถทำงานต่างๆนอกเหนือจากงานบัญชีที่กล่าวมาข้างต้น ได้อย่างเช่น
การจองและการจัดการยานพาหนะ: ช่วนในการจองรถ การตรวจสอบความพร้อมของรถ, และการออกใบแจ้งหนี้.
การจัดการภูมิทัศน์และการดูแลรักษา: ช่วยในการวางแผนงานและการจัดสรรทรัพยากร, การติดตามความคืบหน้าของโครงการ, และการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาพื้นที่สีเขียว.
การสรรหาและการจ้างงาน: ช่วยในการคัดกรองและการสมัครงาน เช่น การกรอกแบบฟอร์มสมัครงาน, การจัดการการสัมภาษณ์, และการตรวจสอบประวัติ.
Writer : Aditep Phumkasame
Digital and Performance Marketing. : SO-Siamrajathanee Plc.
Follow : Linkedin - Aditep .P
ผมเชื่อว่าทุกการตัดสินใจที่จะใช้ Outsourcing ควรมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ข้าง ๆ เพื่อช่วยลดภาระ ดูแลเรื่องที่ยุ่งยาก ให้คุณได้โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดขององค์กร
อ่านบทความเพิ่มเติม
อวสาน คลังเอกสาร หยุดจ่ายค่าเช่า แล้วเปลี่ยนสู่ระบบ DDMS วันนี้
สู่องค์กรอัจฉริยะ วิสัยทัศน์ และแผนการพัฒนาต่อยอด AI Enhancement
ทลายกำแพงการสื่อสาร มาตรฐานใหม่ เจาะลึก ระบบ ประเมินหน้างาน
พลิกโฉม งานภาคสนาม ด้วย AI เจาะลึก ระบบนำเส้นทางไปหามาตร
SO NEXT ขับเคลื่อนองค์กร ด้วย AI พลิกโฉมการทำงานสู่โอกาสทางธุรกิจ
The Next Chapter ทำไม DDMS ถึงเป็นคำตอบที่ใช่กว่า EDMS ในยุคนี้
ไขข้อข้องใจ เอกสารดิจิทัล เก็บแทนตัวจริง ได้ตามกฎหมายจริงหรือ?
ระบบ DMS คืออะไร? 7 เหตุผลที่บริษัทใหญ่ทั่วโลกเลือกบอกลา”กระดาษ”