Robotic Process Automation (RPA) หรือ การประมวลผลอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจและเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจประกัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญในการยกระดับ ประสิทธิภาพการทำงาน และประสบการณ์ของลูกค้า RPA ช่วยให้บริษัทประกันสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานที่ซับซ้อนและเวลาในการดำเนินงานต่างๆ ลดลงอย่างมาก ด้วยการใช้ “หุ่นยนต์ซอฟต์แวร์” ในการจัดการกับงานที่ซ้ำซากและเรียบง่าย ทำให้สามารถเพิ่มความเร็วและความถูกต้องของกระบวนการต่างๆ ได้
ความสำคัญของ RPA ในธุรกิจประกัน
ธุรกิจประกันมีความจำเป็นต้องจัดการกับปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่และกระบวนการที่ซับซ้อน เช่น การประมวลผลคำขอประกัน การจัดการสินไหม และการบริการลูกค้า RPA สามารถช่วยลดภาระงานด้านเอกสาร และเพิ่มความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจที่ซับซ้อน

การยกระดับ ประสิทธิภาพการทำงาน ด้วย RPA
การนำ RPA มาใช้ในธุรกิจประกัน ช่วยให้สามารถจัดการกับกระบวนการต่างๆ ได้เร็วขึ้น ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการทำงานแบบมนุษย์ และเพิ่มความสามารถในการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตลอดเวลา ไม่ต้องการพักผ่อนหรือวันหยุด ทำให้กระบวนการทำงานต่างๆ สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ RPA ยังช่วยในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจและการประเมินความเสี่ยง การใช้ RPA ในกระบวนการเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความเร็วในการทำงาน แต่ยังช่วยให้บริษัทประกัน สามารถให้บริการที่มีคุณภาพและเป็นส่วนตัวกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ประสบการณ์ลูกค้ากับ RPA
การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจประกันต้องให้ความสนใจ ด้วยการนำ RPA มาใช้ บริษัทสามารถลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินงานต่างๆ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วขึ้น นอกจากนี้การใช้หุ่นยนต์ในการจัดการกับคำถามทั่วไปหรือการประมวลผลคำขอสามารถช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนและการให้คำปรึกษากับลูกค้า ซึ่งส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่มากขึ้น

การใช้ RPA เพื่อการประเมินความเสี่ยงและการตัดสินใจ
ในอุตสาหกรรมประกัน การประเมินความเสี่ยงเป็นกระบวนการที่สำคัญและต้องการข้อมูลจำนวนมาก การใช้ RPA ช่วยให้บริษัทสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายประกันและอัตราค่าประกันได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ RPA ยังสามารถช่วยในการตรวจสอบการฉ้อโกงและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับตัวของธุรกิจประกันกับ RPA
การนำ RPA มาใช้ในธุรกิจประกันต้องการการวางแผนและการปรับเปลี่ยนที่รอบคอบ ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ การนำ RPA มาใช้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในหลายกระบวนการ แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัท ด้วยการปรับปรุงความสามารถในการบริการและลดต้นทุนการดำเนินงาน
ตัวอย่างการใช้งาน RPA ในธุรกิจประกัน
1. งานด้านกรมธรรม์
- การป้อนข้อมูลกรมธรรม์: บอทสามารถดึงข้อมูลจากเอกสาร เช่น ใบสมัคร รูปถ่าย ใบรับรองแพทย์ และป้อนข้อมูลลงระบบกรมธรรม์โดยอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาและความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลด้วยมือ
- การออกกรมธรรม์: บอทสามารถตรวจสอบข้อมูลลูกค้า ความเสี่ยง เงื่อนไขกรมธรรม์ และออกกรมธรรม์โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- การต่ออายุกรมธรรม์: บอทสามารถแจ้งเตือนลูกค้าก่อนกรมธรรม์หมดอายุ และดำเนินการต่ออายุกรมธรรม์โดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าและรักษาลูกค้าไว้
2. งานด้านการเรียกร้องสินไหมทดแทน
- การรับแจ้งเคลม: บอทสามารถรับข้อมูลการแจ้งเคลมจากลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ โทรศัพท์มือถือ และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด
- การตรวจสอบเอกสาร: บอทสามารถตรวจสอบเอกสารที่ลูกค้าส่งมายืนยันความถูกต้องและครบถ้วน
- การประเมินความเสียหาย: บอทสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินความเสียหายเบื้องต้น
- การอนุมัติการจ่ายสินไหม: บอทสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและเสนอแนะการจ่ายสินไหมทดแทนให้กับผู้รับผิดชอบตัดสินใจ
3. งานด้านบริการลูกค้า
- การตอบคำถามที่พบบ่อย: บอทสามารถตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกรมธรรม์ การเคลม การชำระเบี้ยประกัน ฯลฯ
- การให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์: บอทสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดกรมธรรม์ ความคุ้มครอง เงื่อนไขต่างๆ แก่ลูกค้า
- การแจ้งเตือนการชำระเบี้ยประกัน: บอทสามารถแจ้งเตือนลูกค้าก่อนถึงกำหนดชำระเบี้ยประกัน
4. งานด้านอื่นๆ
- การวิเคราะห์ข้อมูล: บอทสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า เทรนด์การเคลม ความเสี่ยง ฯลฯ เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
- การจัดทำรายงาน: บอทสามารถจัดทำรายงานต่างๆ เช่น รายงานการขาย รายงานการเคลม รายงานการเงิน ฯลฯ
สรุป
การใช้ RPA ในธุรกิจประกันเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์ของลูกค้า ด้วยความสามารถในการจัดการกับกระบวนการที่ซับซ้อนและเวลาในการดำเนินงานที่ลดลง RPA ช่วยให้บริษัทประกัน สามารถให้บริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถจัดการกับความท้าทายในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับใช้ RPA อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักสำหรับธุรกิจประกัน ที่ต้องการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานและบริการลูกค้าในยุคดิจิทัล.
Writer : Aditep Phumkasame
Digital and Performance Marketing. : SO-Siamrajathanee Plc.
Follow : Linkedin - Aditep .P
ผมเชื่อว่าทุกการตัดสินใจที่จะใช้ Outsourcing ควรมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ข้าง ๆ เพื่อช่วยลดภาระ ดูแลเรื่องที่ยุ่งยาก ให้คุณได้โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดขององค์กร
อ่านบทความเพิ่มเติม
เลือก Outsource อย่างโปร คู่มือฉบับสมบูรณ์เลี่ยงกับดัก Subcontractor
ลดต้นทุน ลดความเสี่ยง ด้วย Business Process Outsourcing (BPO)
ยิ่งช้า ยิ่งเสียโอกาส ระบบ e-Document ทางลัดสู่ Digital Transformation
อย่าเลือก Outsource แค่ราคาถูก! เพราะ Data Cybersecurity ต้องมาก่อน
BPO ราคาถูกอาจไม่คุ้ม! ทำไม Zero Trust Security ถึงสำคัญกว่าที่คิด
FLOW ระบบจัดการเอกสาร ISO หมดปัญหาAuditสะดุด เอกสารผิดเวอร์ชัน
เปลี่ยนองค์กรสู่ยุคPaperless ลดต้นทุนทันทีด้วย Workflow Management
Audit ISO ผ่านแน่นอน ให้ Flow ช่วยลดเวลาจัดเตรียมเอกสารเหลือ 1วัน